ในปัจจุบัน Digital Marketing มีการปรับเปลี่ยนทิศทางต่างๆ มีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น และท้าทายอยู่เสมอ โดย YDM Thailand คุณธนพล ทรัพยสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) ได้เสนอถึงอีกหนึ่ง มุมมองของเทคโนโลยี Digital Marketing ที่มีการคาดการณ์เอาไว้ ทั้งสิ้น 7 หัวข้อด้วยกัน มาเริ่มกันที่ข้อแรก
Data เป็นอีกส่วนที่คนเริ่มให้ความสำคัญ ในหมู่ของ Digital Marketing แต่ YDM ได้พบว่ามีเพียงไม่กี่อุตสาหกรรมเท่านั้นที่ใช้ Data นำมาประมวลผล หลายธุรกิจยังขาดความพร้อมในการเก็บข้อมูล รวมถึงนักการตลาด ที่เข้าใจงาน Data จริงๆ ก็มีค่อนข้างน้อย
เราจึงควรเริ่มเก็บข้อมูลกันได้แล้ว และจะต้องเลือกข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรของตัวเองด้วย
ในตอนนี้ทุกคนต่างเริ่มซื้อของผ่านทางออนไลน์ เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในปีนี้ มีการส่งเสริมให้ลดการใช้พลาสติก และในหลายๆ พื้นที่ก็งดแจกถุงพลาสติกกันแล้ว ทำให้หลายๆท่านรู้สึกไม่สะดวก ทำให้หันมาช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น
อีกทั้ง ระบบขนส่งก็เกิดขึ้นใหม่มากมาย แต่มีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น มีการพัฒนาในด้านการขนส่งที่มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้เกิดการยอมรับ และหันมาใช้การซื้อของผ่านช่องทาง e-Commerce
โฆษณา Digital Media ที่เป็นตัว Top อย่าง Facebook และ Google เป็นระบบโฆษณาแบบ Real Time Bidding (แบบประมูล) หากมีผู้ลงโฆษณามาก การแข่งขันก็จะยิ่งสูง ราคา โฆษณาก็จะยิ่งแพง ทำให้หลายๆแบรนด์ทุ่มงบให้กับโฆษราออนไลน์มากขึ้น เพื่อเป็นเจ้าตลาด เพราะเป็นช่องทางที่สามารถ Target กลุ่มเป้าหมายในการสื่อสาร ได้เฉพาะเจาะจงกว่าช่องทางอื่นๆ
Influencers มาแรงเป็นอย่างมาก หลายๆแบรนด์เรียนรู้ที่จะใช้ Influencers มากขึ้นแต่จะมีการใช้ Macro – Micro – Nano Influencers จะมีการนำ Data เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อวิเคราะห์ในการเลือกใช้ Influencer มากขึ้น
จาก Data Marketing แบรนด์สนใจใน Data มากขึ้น ในขณะที่ยังไม่ได้มีความต้องการสินค้าของตน หรือที่เรียกว่า Pre – Purchase Behavior Data แต่การจะได้ Data ส่วนนี้มา โดยส่วนใหญ่แล้วจะมา จากการทำ Consumer Content บนเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นงานที่ยาก ลงทุนสูง และ ยังจับต้องประโยชน์ได้ ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก
แบรนด์หันมาทำคอนเท้นต์เอง โดยหวังผลในเรื่องการเก็บ Behavior Data เป็นสำคัญ
จากการเรียนรู้ของแบรนด์ ในเรื่องของการสื่อสาร การทำสื่อไปยังผู้บริโภคนั้น ผู้บริโภคต่างสามารถเลือกเสพสื่อเองได้ เฉพาะในสิ่งที่สนใจ จากรูปแบบการนำเสนอแบบ Mass Communication จึงเปลี่ยนมาเป็น “Niche Market” (กลุ่มเป้าหมาย แบบเฉพาะเจาะจง) มากขึ้น
การทำ Brand Communication บนดิจิทัล มีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะต้องอาศัยทั้ง Creative และ Technology ถึงจะประสบความสำเร็จได้ แบรนด์ส่วนหนึ่งจึงเลือกที่ชะลอการทำ Brand Communication ในลักษณะของการทำโฆษณา แต่หันไปเพิ่ม Experience หรือ ประสบการณ์มากขึ้น ผู้บริโภคก็จะกลายเป็น กระบอกเสียงช่วยโฆษณาแบรนด์ให้เอง
ข้อมูลจาก : YDM Thailand
ติดตามข่าวสาร จาก wisdom (digital creative agency) เพิ่มเติม ได้ที่ : https://wisdomstudio.co.th/article/
ติดตามข่าวสาร อื่นๆ ทาง Facebook : https://www.facebook.com/Thewisdom.Ltd/